ทำไหมวิ่งเท่าไหร่น้ำหนักก็ไม่ลงสักที

สาเหตุที่น้ำหนักไม่ลดลงเป็นเพราะคุณกำลังปฏิบัติสิ่งเหล่านี้อยู่หรือเปล่า ?

เราอยากพาคุณไปสำรวจพร้อม ๆ กันก่อนว่า คุณกำลังปฏิบัติตามพฤติกรรมที่ส่งผลให้หลายคนไม่สามารถลดน้ำหนักได้อยู่หรือไม่ เพราะพฤติกรรมที่เรากำลังจะพูดถึงนี้ คือพฤติกรรมที่คนส่วนใหญ่มักจะปฏิบัติกัน ส่งผลทำให้การลดน้ำหนักของคุณขาดประสิทธิภาพ ซึ่งหากสำรวจแล้วว่าคุณกำลังปฏิบัติสิ่งเหล่านี้อยู่ หลังจากนั้นเราจะพาคุณไปดูวิธีแก้ไขในการวิ่งลดน้ำหนักที่ถูกต้องกัน

  • เลือกกินไม่ถูกวิธี

บางคนคิดว่าการกินอาหารน้อย ๆ จะยิ่งผอมเร็ว แต่จริง ๆ แล้วการอดอาหารนอกจากทำให้เราไม่มีแรง เสี่ยงหน้ามืดเป็นลมแล้ว ยังทำให้ร่างกายไม่สามารถฟื้นฟูได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้ร่างกายเริ่มเรียนรู้การใช้พลังงานที่ลดน้อยลง เพื่อประหยัดพลังงานจากที่เราได้รับพลังงานเข้าไปน้อยเกินไปนั่นเอง ซึ่งอาจทำระบบเผาผลาญในร่างกายของบางคนเกิดพังได้ (ในขั้นที่แย่ที่สุด) ส่งผลให้ไม่สามารถลดน้ำหนักได้ 

ดังนั้นคุณควรจะเลือกกินอาหารเพื่อเติมพลังงานให้ถูกวิธีด้วย เพราะร่างกายต้องการฟื้นฟูหลังจากการวิ่งด้วยอาหารที่มีโปรตีนมากกว่าปกติ รวมไปถึงปริมาณแคลอรี่เหมาะสม เช่น อกไก่ หรือสลัดผัก เป็นต้น

อีกทั้งในกรณีหนึ่งคือร่างกายของคนเรานั้นจะใช้พลังงานเป็นจำนวนมากในการวิ่ง เป็นสาเหตุทำให้รู้สึกอยากอาหาร ทำให้หลายคนอาจใช้วิธีการให้รางวัลตัวเองด้วยการกินหลังจากวิ่งเสร็จ และยิ่งหากใครเลือกกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ก็จะยิ่งเป็นการสะสมไขมันส่วนเกินเข้าไปสู่ร่างกายด้วยนั่นเอง

  • ไม่ออกกำลังกายอย่างอื่นควบคู่ไปด้วย

หลายคนเข้าใจว่าการวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ดีที่สุดในการลดน้ำหนัก ซึ่งจริง ๆ แล้วร่างกายของเราไม่ได้เผาผลาญพลังงานเฉพาะตอนออกกำลังกายเท่านั้น แต่ร่างกายนั้นเผาผลาญพลังงานอยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งเวลาเรานอนหลับ

ดังนั้นนอกจากการวิ่งแล้ว วิธีที่จะทำให้การลดน้ำหนักเกิดประสิทธิภาพมากขึ้น คุณควรให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างกล้ามเนื้อด้วยการเวทเทรนนิ่งด้วย เพราะเมื่อร่างกายของเรามีกล้ามเนื้อมากขึ้นจะส่งผลให้ร่างกายสามารถเผาผลาญพลังงานได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนั้นเมื่อมีกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ที่แข็งแรงกว่าเดิม ยังส่งผลให้การวิ่งของคุณมีประสิทธิภาพ (ทั้งวิ่งเร็ว วิ่งอึด และไม่เกิดอาการบาดเจ็บได้ง่าย)

  • ไม่เพิ่มความท้าทายให้กับร่างกาย

หลายคนเริ่มวิ่งมานาน แต่วิ่งอยู่ในช่วงระยะทาง ระยะเวลา และความเร็วในการวิ่งที่เหมือนเดิมมาตลอด ทำให้กล้ามเนื้อเกิดความเคยชิน หรือร่างกายจดจำกิจกรรมที่เราทำบ่อย ๆ นั่นเอง ร่างกายจึงได้ใช้พลังงานไปกับการวิ่งที่น้อยลง

สำหรับการวิ่งเพื่อลดน้ำหนักนั้น ควรเพิ่มความเข้มข้นในการออกกำลังกายให้มากขึ้น เช่น เพิ่มระยะทาง เพิ่มความเร็ว เพื่อให้ร่างกายได้ใช้พลังงานที่มากขึ้น เพราะเมื่อร่างกายของเราแข็งแรงมากกว่าเดิมแล้ว ความเร็วระยะทางเดิม ๆ ก็ไม่ทำให้เกิดผลลัพธ์อีกต่อไป ดังนั้นเวลาวิ่งควรให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้ด้วย 

ควรกระตุ้นร่างกายอย่างไร ? เมื่อร่างกายปรับตัวเข้ากับการวิ่งเดิม ๆ แล้ว

หากร่างกายไม่รู้สึกท้าทายกับสิ่งเดิมแล้ว ก็ต้องหาวิธีใหม่เพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อและร่างกายได้เจอกับสิ่งใหม่ ๆ บ้าง ซึ่งคุณสามารถทำด้วยวิธีง่าย ๆ จากที่เราได้กล่าวไปก่อนหน้านี้แล้ว นั่นก็คือ การวิ่งให้เร็วขึ้น วิ่งให้ไกลขึ้น และวิ่งบนพื้นที่ที่ต่างออกไปจากเดิม

หรือสามารถใช้โปรแกรมการฝึกความเข้มข้นในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การวิ่งหนักสลับเบา (Interval Run), การวิ่งด้วยความเร็วคงที่อย่างสม่ำเสมอ (Tempo Runs) หรือการวิ่งทางไกลที่ต้องเพิ่มระยะทาง และระยะเวลาให้มากขึ้น (Long Run)

นอกจากนี้ยังสามารถใช้การออกกำลังกาย Cardio แบบอื่นเข้ามาเป็นส่วนช่วยให้ร่างกายได้เผาผลาญได้ดียิ่งขึ้น เช่น การปั่นจักรยาน การว่ายน้ำ เป็นต้น หรือหลายคนอาจจะเคยได้ยินการออกกำลังกายแบบ HIIT ที่เป็นการออกกำลังกายที่มีความเข้มข้นสูง ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดีไม่แพ้กัน

สอบถามโปรโมชั่น / สั่งซื้อสิ้นค้า / สอบถามข้อมูล

”สินค้าคุณภาพได้มาตรฐาน มีการรับประกัน พร้อมให้บริการหลังการขาย มีอะไหล่ตลอดอายุการใช้งาน สามารถจัดส่งได้ทั่วประเทศไทย”

สามารถสั่งซื้อสินค้าได้ที่นี่